top of page

PDPA คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับปี 2567



PDPA ย่อมาจาก Personal Data Protection Act หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดา โดยควบคุมการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยองค์กรต่างๆ

บทความนี้ มุ่งเป้าไปที่การอธิบาย PDPA อย่างละเอียด เข้าใจง่าย และครอบคลุมเนื้อหาสำคัญดังต่อไปนี้:

  • PDPA คืออะไร

  • ทำไม PDPA ถึงสำคัญ

  • องค์ประกอบหลักของ PDPA

  • ขั้นตอนการปฏิบัติตาม PDPA

  • บทบาทของ DPO (Data Protection Officer)

  • แนวโน้ม PDPA ในปี 2567

  • คำศัพท์สำคัญ

1. PDPA คืออะไร?

PDPA เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการควบคุมข้อมูลของตน กฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ควบคุมข้อมูล (Data Controller) ซึ่งหมายถึงบุคคลหรือองค์กรที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ต้อง:

  • แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

  • ขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนนำข้อมูลไปใช้

  • เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้อย่างปลอดภัย

  • เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สามเมื่อได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น

2. ทำไม PDPA ถึงสำคัญ?

PDPA มีความสำคัญต่อทุกฝ่าย ดังนี้:

  • สำหรับบุคคลธรรมดา: PDPA ช่วยให้บุคคลธรรมดามีสิทธิควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตน ปกป้องข้อมูลของตนจากการถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าถึงข้อมูลของตนได้

  • สำหรับองค์กร: PDPA ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร

3. องค์ประกอบหลักของ PDPA

องค์ประกอบหลักของ PDPA ประกอบด้วย:

  • ข้อมูลส่วนบุคคล: หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลทางการเงิน ฯลฯ

  • เจ้าของข้อมูล: หมายถึง บุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

  • ผู้ควบคุมข้อมูล: หมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

  • ผู้ประมวลผลข้อมูล: หมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แทนผู้ควบคุมข้อมูล

  • ความยินยอม: หมายถึง การยินยอมโดยสมัครใจและเฉพาะเจาะจงของเจ้าของข้อมูล

4. ขั้นตอนการปฏิบัติตาม PDPA

4.1 การจัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

องค์กรต้องจัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึง:

  • ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

  • วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล

  • วิธีการใช้ข้อมูล

  • บุคคลที่สามที่ข้อมูลอาจถูกเปิดเผย

  • สิทธิของเจ้าของข้อมูล

4.2 การขอความยินยอม

องค์กรต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนนำข้อมูลไปใช้

4.3 มาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูล

องค์กรต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

4.4 การเปิดเผยข้อมูล

องค์กรสามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สามได้ เมื่อ:

  • ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

  • จำเป็นต้องเปิดเผยตามกฎหมาย

  • จำเป็นต้องเปิดเผยเพื่อปกป้องสิทธิขององค์กร

4.5 สิทธิของเจ้าของข้อมูล

เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ:

1. สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม

  • บุคคลที่สามที่ข้อมูลอาจถูกเปิดเผย

  • สิทธิของเจ้าของข้อมูล

2. สิทธิเข้าถึงข้อมูล

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • แหล่งที่มาของข้อมูล

  • วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม

  • บุคคลที่สามที่ข้อมูลอาจถูกเปิดเผย

  • ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูล

3. สิทธิแก้ไขข้อมูล

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน

4. สิทธิลบข้อมูล

  • กรณีข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ที่เก็บรวบรวม

  • กรณีเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอม

  • กรณีข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวมโดยมิชอบ

  • กรณีข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดทางตรง

5. สิทธิจำกัดการประมวลผลข้อมูล

  • กรณีเจ้าของข้อมูลโต้แย้งความถูกต้องของข้อมูล

  • กรณีเจ้าของข้อมูลคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

  • กรณีผู้ควบคุมข้อมูลไม่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการประมวลผลอีกต่อไป แต่เจ้าของข้อมูลต้องการเก็บไว้เพื่อใช้ในการยื่นคำร้อง

  • กรณีเจ้าของข้อมูลคัดค้านการประมวลผลข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดทางตรง

6. สิทธิโอนย้ายข้อมูล

  • ข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่ใช้งานได้ง่ายและอ่านได้ด้วยเครื่อง

  • โอนย้ายข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น

7. สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูล

  • กรณีข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดทางตรง

  • กรณีข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัยทางประวัติศาสตร์ สถิติ หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางสถิติ

8. สิทธิเพิกถอนความยินยอม

  • กรณีเจ้าของข้อมูลให้ความยินยอมไว้

9. สิทธิร้องเรียน

  • กรณีผู้ควบคุมข้อมูลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลละเมิดกฎหมาย PDPA

10. สิทธิอื่นๆ

  • ตามที่กฎหมายกำหนด


5. บทบาทของ DPO (Data Protection Officer)

DPO ย่อมาจาก Data Protection Officer เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย PDPA ที่ทำหน้าที่:

  • ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ PDPA แก่องค์กร

  • กำกับดูแลการปฏิบัติตาม PDPA ขององค์กร

  • ตรวจสอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ PDPA ขององค์กร

  • เป็นจุดติดต่อสำหรับเจ้าของข้อมูล

6. แนวโน้ม PDPA ในปี 2567

ในปี 2567 คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มใหม่ ๆ เกี่ยวกับ PDPA ดังนี้:

  • การเพิ่มขึ้นของการใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data จะทำให้การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลมีความท้าทายมากขึ้น

  • กฎหมาย PDPA ของประเทศไทยจะมีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับ GDPR ของสหภาพยุโรป

  • องค์กรต่างๆ จะให้ความสำคัญกับ PDPA มากขึ้น และจะมีการลงทุนในเทคโนโลยีและบุคลากรเพื่อ ensure การปฏิบัติตาม PDPA

7. คำศัพท์สำคัญ

  • ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data)

  • เจ้าของข้อมูล (Data Subject)

  • ผู้ควบคุมข้อมูล (Data Controller)

  • ผู้ประมวลผลข้อมูล (Data Processor)

  • ความยินยอม (Consent)

  • นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)

  • DPO (Data Protection Officer)


ดู 65 ครั้ง
bottom of page