top of page

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศผู้นำโลกและพันธมิตรสำคัญ

  • รูปภาพนักเขียน: ดร.นิพนธ์ นาชิน, CISSP, CISA, CISM, GPEN, QSA, CCISO, CDMP
    ดร.นิพนธ์ นาชิน, CISSP, CISA, CISM, GPEN, QSA, CCISO, CDMP
  • 22 พ.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 25 พ.ค. 2567


ree

ในยุคดิจิทัลที่การโจมตีไซเบอร์ทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศผู้นำและพันธมิตรสำคัญต่างวางยุทธศาสตร์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อปกป้องผลประโยชน์และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีแนวทางหลักๆ ดังนี้

สหรัฐฯ และอังกฤษ:

  • พัฒนาบุคลากร ป้องกันระบบเครือข่าย และทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน

  • พัฒนาขีดความสามารถเชิงรุกทางไซเบอร์ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนภารกิจทางทหาร

  • สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อรับมือภัยคุกคามร่วมกัน

NATO:

  • ไม่มีแผนเชิงรุก แต่ร่วมมือกันป้องกันไซเบอร์ในหมู่ประเทศสมาชิก เช่น การแบ่งปันภาระ พัฒนาขีดความสามารถ และซ้อมรับมือเหตุการณ์ร่วมกัน

จีนและรัสเซีย:

  • พัฒนายุทธวิธีทางไซเบอร์ที่แยบยล โดยดึงผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัยมาร่วมกัน

  • ผสมผสานปฏิบัติการไซเบอร์เข้ากับการทหารแบบดั้งเดิม

ออสเตรเลียและแอฟริกาใต้:

  • เน้นการสร้างความตระหนัก ปกป้องโครงสร้างสำคัญ และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร

  • ไม่มีแผนเชิงรุก แต่เตรียมพร้อมเชิงป้องกัน


แม้รายละเอียดแตกต่างกันบ้างตามบริบท แต่ทุกฝ่ายตระหนักว่าภัยคุกคามไซเบอร์ไร้พรมแดน ต้องพัฒนาขีดความสามารถและร่วมมือกันรับมือทั้งในและต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงสูญเสียอำนาจอธิปไตยและความมั่นคงในโลกไซเบอร์ในที่สุด การกำหนดยุทธศาสตร์ชัดเจนและครอบคลุมจึงเป็นก้าวแรกสำคัญในการเตรียมพร้อม ก่อนจะผนึกกำลังหาแนวทางรับมือร่วมกันต่อไป

ยุทธศาสตร์ทางทหารของสหรัฐฯ ในการเสริมความได้เปรียบในมิติไซเบอร์


กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้กำหนดยุทธศาสตร์ทางทหารด้านไซเบอร์อย่างครอบคลุม เพื่อเสริมศักยภาพในการป้องกันและปฏิบัติการเชิงรุกในโลกออนไลน์ ตอบโต้ภัยคุกคามที่มีวิวัฒนาการรวดเร็วและรุนแรง โดยเน้น 3 พันธกิจหลัก ได้แก่

  1. ปกป้องระบบและโครงข่ายของกลาโหม

  2. เตรียมพร้อมรับมือการโจมตีที่กระทบรุนแรงต่อผลประโยชน์ชาติ

  3. ใช้ขีดความสามารถไซเบอร์สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารเมื่อได้รับคำสั่ง


โดยจะขยายความสามารถการโจมตีคืนตามหลักจริยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ หลังใช้การป้องกันและบังคับใช้กฎหมายเป็นลำดับแรก ทั้งนี้จำเป็นต้องมีกำลังพลที่ได้รับการฝึกฝนดีพร้อมอุปกรณ์ล้ำสมัย เตรียมพร้อมรับมือภาวะเครือข่ายถูกโจมตีเสียหาย เสริมความสามารถสืบสวนแหล่งที่มาของการโจมตีด้วยความร่วมมือข่าวกรองและพันธมิตร และบูรณาการการปฏิบัติการไซเบอร์เข้ากับการสงครามทางบก น้ำ อากาศ อย่างไร้รอยต่อ


ree

อย่างไรก็ตาม ยุทธศาสตร์ปัจจุบันยังมีจุดอ่อน เช่น ขาดแผนรับมือภัยคุกคามจากห่วงโซ่อุปทาน ปล่อยให้เอกชนคุมความปลอดภัยเองโดยไม่มีมาตรฐาน กระบวนการจัดหาอุปกรณ์ล่าช้าไม่ทันเทคโนโลยี และบุคลากรยังไม่เพียงพอ


สิ่งที่ควรเพิ่มเติมคือ เข้มงวดตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานไซเบอร์ บังคับใช้มาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำ กำหนดกรอบบริหารจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน ปรับปรุงระบบจัดซื้อให้ยืดหยุ่นรวดเร็วขึ้น และสร้างเส้นทางอาชีพจูงใจคนเก่งให้เข้าสู่วงการ


ในระยะยาว อาจต้องจัดตั้ง Cyber Force โดยเฉพาะ แทนการดึงกำลังจากหลายหน่วยงานแบบปัจจุบัน โดยมีสายบังคับบัญชาและงบประมาณของตัวเอง ลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาขีดความสามารถอย่างฉับไว


สุดท้าย ยุทธศาสตร์ด้านไซเบอร์ต้องปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ยืดหยุ่นพลิกแพลงตามสถานการณ์ เพื่อรักษาความได้เปรียบท่ามกลางภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในอาณาจักรไซเบอร์อันไร้ขอบเขตนี้



📱 โทร: 093-789-4544

💬 Inbox: m.me/AlphaSecTH

📧 อีเมล: contact@alphasec.co.th

🔗 เว็บไซต์: https://www.alphasec.co.th

 
 
bottom of page