top of page

นโยบาย AI (AI Policy) ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลง องค์กรไทยต้องเตรียมพร้อมอย่างไร?

  • รูปภาพนักเขียน: Kasidet Khongphuttikun
    Kasidet Khongphuttikun
  • 22 ก.ย.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 9 ต.ค.

Global AI Policy & Regulations

การพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้นำมาซึ่งความท้าทายใหม่ในด้านการกำกับดูแลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ จากรายงานล่าสุดของ Gartner ชี้ให้เห็นว่าองค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญกับความซับซ้อนของ AI Policy ที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค การแตกแยกของกฎระเบียบ AI นี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างภาระต้นทุนด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับองค์กรที่ดำเนินธุรกิจข้ามประเทศ

แนวโน้มสำคัญที่องค์กรต้องจับตา

1. ความเสี่ยงทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้น

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 จะมีคดี "ตายจาก AI (death by AI)" มากกว่า 1,000 คดี เนื่องจากการขาดระบบป้องกันความเสี่ยงที่เพียงพอ นอกจากนี้ ต้นทุนการแก้ไขปัญหาจากการตัดสินใจที่ผิดกฎหมายโดย AI จะสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์

2. การแตกแยกของกฎระเบียบทั่วโลก

ภายในปี 2027 กฎระเบียบ AI ที่แตกต่างกันจะครอบคลุมถึง 50% ของเศรษฐกิจโลก ทำให้องค์กรต้องลงทุนในการปฏิบัติตามกฎระเบียบสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์

3. ข้อพิพาททางกฎหมายที่เพิ่มขึ้น

คาดการณ์ว่าภายในปี 2028 การละเมิดกฎระเบียบ AI จะทำให้ข้อพิพาททางกฎหมายสำหรับบริษัทเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 30%

3 แนวทางหลักของนโยบาย AI (AI Policy) ทั่วโลก

สหรัฐอเมริกา: มุ่งเน้นนวัตกรรม AI

แผน AI Action Plan ของสหรัฐฯ เน้นการเร่งพัฒนา AI โดยการลดอุปสรรคทางกฎระเบียบ โดยกำหนดอัตราส่วนการยกเลิกกฎระเบียบต่อการสร้างใหม่ที่ 10:1

จุดเด่นของนโยบายสหรัฐฯ:

  • ส่งเสริมการส่งออกเทคโนโลยี AI แบบ "full-stack" ไปยังประเทศพันธมิตร

  • เร่งการสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐาน

  • เน้นการใช้ "American AI" ในหน่วยงานรัฐบาลกลาง

  • ป้องกัน "Woke AI" ในภาครัฐ โดยไม่ให้มีการปรับแต่งผลลัพธ์ตามอุดมการณ์ DEI

สหภาพยุโรป: แนวทาง AI Risk Tiers

EU AI Act แบ่งระบบ AI ออกเป็น 4 ระดับความเสี่ยง:

  • ระดับต่ำ: ระบบแนะนำทั่วไป (มีการควบคุมน้อย)

  • ระดับจำกัด: แชทบอทบริการลูกค้า (ต้องมีความโปร่งใส)

  • ระดับสูง: ระบบวินิจฉัยทางการแพทย์ (ต้องประเมินความเสี่ยง)

  • ระดับต้องห้าม: AI สำหรับการให้คะแนนทางสังคมและการจับผิดพฤติกรรม

กำหนดเวลาบังคับใช้ EU AI Act:

  • กุมภาพันธ์ 2025: กฎเกี่ยวกับระบบ AI ต้องห้ามและ AI Literacy

  • สิงหาคม 2025: กฎเกี่ยวกับ General-purpose AI และค่าปรับ

  • สิงหาคม 2026: กฎระเบียบทั้งหมด (ยกเว้น Article 6.1)

  • สิงหาคม 2027: กฎสำหรับระบบ AI ที่รองรับฟังก์ชันความปลอดภัย

การละเมิดกฎระเบียบอาจถูกปรับสูงสุด 35 ล้านยูโรหรือ 7% ของรายได้รวมทั่วโลก

จีน: การกำกับดูแลเฉพาะด้าน

จีนใช้แนวทางการกำกับดูแล AI แบบเฉพาะเจาะจง โดยเน้นความร่วมมือระหว่างประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีแบบโอเพ่นซอร์ส

Global AI Governance Action Plan ของจีน (กรกฎาคม 2025):

  • เน้นความร่วมมือระหว่างประเทศและการแบ่งปันเทคโนโลยี

  • สนับสนุนประเทศในกลุ่ม "Global South"

  • ส่งเสริม AI ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

  • มีการกำกับดูแลเฉพาะด้าน: อัลกอริทึม, Deep Synthesis, และ GenAI

กฎระเบียบใหม่ที่มีผล (กันยายน-พฤศจิกายน 2025):

  • กฎการติดฉลาก AI-generated content (บังคับใช้ 1 กันยายน 2025)

  • มาตรฐานความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับ GenAI (บังคับใช้ 1 พฤศจิกายน 2025)

ผลกระทบต่อองค์กรไทย

จากการสำรวจของ Gartner พบว่า 70% ของผู้นำด้าน IT ระบุว่าการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นความท้าทายสำคัญ 3 อันดับแรกในการนำ AI มาใช้ ขณะที่เพียง 23% เท่านั้นที่มีความมั่นใจในการจัดการด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแลเมื่อนำเครื่องมือ AI มาใช้ในองค์กร

สถานการณ์ปัจจุบันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

CEO มากกว่า 100 บริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขณะเดียวกันก็ต้องการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อการเปลี่ยนแปลงและความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง:

  • การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล: ระบบ AI ที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติตาม GDPR และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในแต่ละประเทศ

  • การตัดสินใจที่ลำเอียงหรือไม่ยุติธรรม: AI bias ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน การให้สินเชื่อ หรือการประเมินผลการปฏิบัติงาน

  • ความรับผิดชอบทางกฎหมายจากผลลัพธ์ของ AI: กรณีศึกษา Garcia v. Character Technologies แสดงให้เห็นว่าศาลยังไม่ยอมรับการป้องกันด้วย "เสรีภาพในการแสดงออก" สำหรับผลลัพธ์ของ AI

  • ข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา: การใช้งาน AI ที่อาจละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร

คำตัดสินที่สร้างแนวทางใหม่

ในคดี Moffatt v. Air Canada ศาลตัดสินให้บริษัทรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ผิดพลาดจากแชทบอทของตน เนื่องจากไม่ได้ใส่ใจในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่สื่อสารกับลูกค้า

การเตรียมพร้อมขององค์กร

1. สร้างทีม AI Governance

จัดตั้งคณะกรรมการ AI หรือทีมผู้เชี่ยวชาญข้ามสายงานเพื่อกำกับดูแลการใช้ AI ทั่วทั้งองค์กร ทีมนี้ควรประกอบด้วยตัวแทนจากแผนก IT, กฎหมาย, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ, ความปลอดภัย และหน่วยงานต่างๆ ที่ใช้ AI

2. พัฒนา AI Literacy

ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ด้าน AI และเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำหรับพนักงานที่ทำงานกับระบบ AI ระดับเสี่ยงสูง ตาม EU AI Act ที่กำหนดให้องค์กรต้องมั่นใจว่าพนักงานมี AI Literacy ที่เพียงพอ

3. ติดตามกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอ

ติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ AI ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะหากองค์กรมีการดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ หรือใช้บริการ AI จากผู้ให้บริการต่างประเทศ

4. ประเมินและจัดหมวดหมู่ระบบ AI

ทำการสำรวจและจัดหมวดหมู่ระบบ AI ที่ใช้งานในองค์กรตามระดับความเสี่ยง เพื่อให้สามารถจัดลำดับความสำคัญในการจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. พัฒนาระบบ Model Guardrails

สร้างระบบป้องกันและควบคุมผลลัพธ์ของ AI รวมถึง:

  • Self-correction mechanisms: ฝึกโมเดลให้แก้ไขตัวเองและหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่อยู่นอกขอบเขต

  • Content moderation: ระบบกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

  • Bias detection: การตรวจจับความลำเอียงในข้อมูลและผลลัพธ์

  • Audit trails: การบันทึกการทำงานของระบบ AI เพื่อการตรวจสอบ

6. จัดการข้อมูลให้พร้อมสำหรับ AI

ตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพของข้อมูลที่ใช้ฝึกและป้อนเข้าระบบ AI เพื่อลดความเสี่ยงด้านความลำเอียงและเพิ่มความแม่นยำ

เทรนด์อนาคตที่ต้องเตรียมพร้อม

AI Agents และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2029 AI agents จะสามารถแก้ไขปัญหาการบริการลูกค้าทั่วไป 80% โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน 30% แต่ก็ต้องมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น

การพัฒนา AI Sovereignty

ประเทศต่างๆ กำลังแข่งขันกันพัฒนา "AI อธิปไตย" โดยสหรัฐฯ นำหน้าในด้านการสร้างโมเดล AI (40 โมเดล) ตามด้วยจีน (15 โมเดล) และ EU (3 โมเดล) แต่จีนนำหน้าในด้านสิทธิบัตร AI (70% ของสิทธิบัตร AI ทั่วโลก)

ตัวอย่างกรณีศึกษาและบทเรียน

กรณีความเสี่ยงจาก AI Chatbots

จากการศึกษากรณี Garcia v. Character Technologies พบว่าศาลยังไม่พร้อมยอมรับการป้องกันด้วย "เสรีภาพในการแสดงออก" สำหรับผลลัพธ์ของ LLM ขณะที่ในคดี Moffatt v. Air Canada บริษัทต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลที่ผิดพลาดจากแชทบอท

แนวทางการจัดการเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น

องค์กรควรมีระบบ:

  • การติดฉลาก AI-generated content อย่างชัดเจน

  • ปุ่ม "รายงานการใช้งานผิด" และคำเตือน AI

  • การกรองเนื้อหาแบบเรียลไทม์

  • ระบบเฝ้าระวังการสนทนาที่อาจนำไปสู่อันตราย

นโยบาย AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้องค์กรต้องมีการเตรียมพร้อมด้าน AI Governance อย่างจริงจัง การลงทุนในระบบการกำกับดูแล AI ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในยุคดิจิทัล

ALPHASEC พร้อมให้คำปรึกษาด้าน AI Governance และช่วยองค์กรของคุณเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายด้านนโยบาย AI ติดต่อเราวันนี้เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนากรอบการทำงานด้าน AI ที่ปลอดภัยและปฏิบัติตามกฎระเบียบ

อ้างอิงจาก: Gartner Research "How Global AI Policy and Regulations Will Impact Your Enterprise" (September 2025)


 
 
bottom of page